กรดอะมิโนคืออะไร?
กรดอะมิโนเป็นหน่วยโครงสร้างย่อยของโปรตีนที่จัดเรียงต่อกันในรูปแบบต่างๆ เมื่อสายของโปรตีนขาดออกจากกันเป็นสายสั้นๆ จะเรียกเปปไทด์
เมื่อเรารับประทานอาหารโปรตีน น้ำย่อยในทางเดินอาหารจะย่อยจนกลายเป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์ และจะถูกดูดซึมผ่านผนังทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือด เปปไทด์หลายชนิดก็มีฤทธิ์ทางชีวภาพ เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย นอกเหนือจากหน้าที่ตามปกติของอาหารโปรตีน
หน้าที่สำคัญของโปรตีน
- จำเป็นต่อการเจริญเติบโต บำรุงซ่อมแซมเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
- ให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีนชนิดต่างๆ
- เป็นส่วนประกอบของฮอร์โมน เอนไซม์
- เป็นแหล่งพลังงาน ลำเลียงขนส่งสาร
- สร้างแอนติบอดีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
กรดอะมิโนจำเป็นในเลือดจระเข้
กรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เองต้องได้รับจากอาหาร เรียกกรดอะมิโนจำเป็น เลือดจระเข้เป็นอาหารโปรตีนที่มีคุณภาพ เมื่อวิเคราะห์เลือดและเนื้อจระเข้ฟรีซดราย พบกรดอะมิโนจำเป็นครบทุกชนิด
ฤทธิ์ทางชีวภาพของเลือดจระเข้
นอกจากประโยชน์เลือดจระเข้ทางโภชนาการที่ให้สารโปรตีนและกรดอะมิโนจำเป็นแล้ว ในธรรมชาติจระเข้ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีพัฒนาการมาหลายล้านปี มีความทนทานต่อโรคและปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความอยู่รอดได้ ระบบภูมิคุ้มกันพื้นฐานอยู่ในร่างกายโดยเฉพาะเลือดจึงได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก
พยายามทำการศึกษาแยกบริสุทธิ์ โปรตีน และส่วนประกอบของเลือดจระเข้มาเพื่อทำการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพพบประสิทธิภาพ เช่น
สารปฏิชีวนะ
(Anti-microbial peptides) สารที่สามารถต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารต้านอนุมูลอิสระ
(Anti-Oxidation) กรดอะมิโนชนิดเดี่ยวและเปปไทด์หลายชนิดรวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆ ในเลือดทำหน้าที่ยับยั้งอนุมูลอิสระได้หลากหลายแบบ
สารปฏิชีวนะ
การศึกษาประโยชน์ของเปปไทด์ในเลือดโดยแยกส่วนประกอบของน้ำเลือด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด พลาสมา เซรัม แล้วใช้เทคนิคในการแยกบริสุทธิ์โปรตีนขั้นสูง ทำการสกัดและแยกกลุ่มสารออกฤทธิ์ออกมา เป็นการคัดกรองศึกษาความเป็นไปได้ที่จะต่อยอดหาสารที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นยาปฏิชีวนะรุ่นใหม่
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
สำหรับจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย กลุ่มนักวิจัยม.ขอนแก่นได้ทำงานวิจัยต่อเนื่อง ทำการทดสอบในห้องปฏิบัติการและพบโปรตีนเหล่านั้นสามารถยับยั้งเชื้อการเติบโตของเชื้อโรคได้หลายชนิด เช่น
Crocosin
สารประกอบที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียถูกสกัดด้วยวิธีการแลกเปลี่ยนแอนไอออน การกรองจนกระทั่งได้สารเปปไทด์ที่ออกฤทธิ์ โดยทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรียโดยตรง มีฤทธิ์ทำลายแบคทีเรีย Salmonella typhi และ Staphylococcus aureus (Preecharam S. et al., 2008, 2010)
Leucrosin
มีฤทธิ์ทำลายแบคทีเรีย Staphylococcus epidermidis, Salmonella typhi และ Vibrio cholerae (Pata S. et al., 2011)
พลาสมาของเลือดจระเข้
สามารถยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียก่อโรคได้หลายชนิด เช่น Salmonella typhi, Vibrio cholerae อย่างเฉพาะเจาะจง ไม่ทำความเสียหายกับเซลล์ (Kommanee et al., 2012)
ฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระ
กรดอะมิโนชนิดเดี่ยวและเปปไทด์หลายชนิดทำหน้าที่ยับยั้งอนุมูลอิสระได้ เลือดจระเข้ที่มี องค์ประกอบหลักเป็นโปรตีนถึงกว่า 85% เลือดจระเข้มีส่วนประกอบกรดอะมิโนเดี่ยวที่มีฤทธิ์รวมอยู่ด้วยในปริมาณที่ตรวจวัดได้ เช่น ฮิสทิดีน (Histidine, His) ก็พบความสามารถนี้เช่นกัน
การทดสอบทางชีวเคมี
การทดสอบทางชีวเคมีเพื่อติดตามการทำงานขององค์ประกอบในเลือดจระเข้ พบความสามารถจับกับอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น:
- ฮีโมโกลบินกับไนตริกออกไซด์
- พลาสมากับกลุ่มไฮดรอกซิล
- สารสกัดเม็ดเลือดขาวกับการป้องกันการออกซิไดซ์ไขมันไลโนเลอิก (Phosri et al., 2014)
แสดงให้เห็นความสามารถในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่กว้างของเลือดจระเข้ สามารถออกฤทธิ์กับอนุมูลอิสระหลายชนิด ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความเป็นกรดด่าง และอุณหภูมิ (Jandaruang, 2012) แม้ว่ากลไกการทำหน้าที่ยับยั้งอนุมูลอิสระของเลือดจระเข้ไม่ชัดเจน
นอกจากนี้แล้วในเลือดจระเข้ยังมีสารอื่นๆ ที่ไม่ใช่กรดอะมิโนและมีฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระ เช่น กลูตาไทโอน วิตามินเอ ประกอบกันทำให้ประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระนั้นค่อนข้างสูงกว่าอาหารโปรตีนหลายประเภท
ความสัมพันธ์กับโรคเรื้อรัง
จึงมีความเป็นไปได้ที่จะใช้เลือดจระเข้ฟรีซดรายเพื่อจัดการยั้บยั้งอนุมูลอิสระทั้งที่เป็นกลุ่มออกซิเจน ไม่ใช่ออกซิเจน และไนโตรเจนได้ ทางการแพทย์สารอนุมูลอิสระเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับโรคเรื้อรังในคน เช่น:
ค้นพบประโยชน์ของเลือดจระเข้ MODAPLAS
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเลือดจระเข้แท้ 100% ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน พร้อมคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและสารปฏิชีวนะธรรมชาติ